What is website design?

การออกแบบเว็บไซต์ (Web Design) คือ กระบวนการสร้างและวางแผนการแสดงผลของเว็บไซต์ทั้งในด้านการใช้งาน (User Experience: UX) และลักษณะการมองเห็น (User Interface: UI) โดยเน้นให้เว็บไซต์นั้นมีความสวยงาม ใช้งานง่าย และสามารถตอบโจทย์ผู้ใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การออกแบบเว็บไซต์ประกอบด้วยหลายด้าน ได้แก่

การออกแบบ User Interface (UI)

การออกแบบส่วนประกอบที่ผู้ใช้เห็น เช่น สี, รูปแบบการจัดวางเนื้อหา, ปุ่มต่างๆ, ฟอนต์, รูปภาพ เป็นต้น เพื่อให้เว็บไซต์ดูน่าสนใจและเหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย

การออกแบบ User Experience (UX)

การออกแบบประสบการณ์การใช้งานโดยรวมให้สะดวกและไม่ซับซ้อน ตั้งแต่การนำทางในเว็บไซต์ ไปจนถึงการทำให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงข้อมูลได้ง่าย

การจัดโครงสร้างข้อมูล (Information Architecture)

การวางโครงสร้างเนื้อหาและการจัดระเบียบข้อมูลให้เหมาะสม เพื่อให้ผู้ใช้สามารถหาข้อมูลที่ต้องการได้อย่างรวดเร็ว

การตอบสนอง (Responsive Design)

การออกแบบเว็บไซต์ให้สามารถแสดงผลได้ดีทั้งในอุปกรณ์ต่างๆ เช่น โทรศัพท์มือถือ, แท็บเล็ต, และคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อป โดยไม่ลดทอนความสามารถในการใช้งาน

การเลือกใช้เทคโนโลยี (Web Technology)

การเลือกเครื่องมือและเทคโนโลยีที่ใช้ในการสร้างเว็บไซต์ เช่น HTML, CSS, JavaScript รวมถึงการใช้ระบบจัดการเนื้อหา (CMS) เช่น WordPress หรือ Strapi

การออกแบบเว็บไซต์จึงไม่เพียงแค่การทำให้เว็บไซต์ดูดี แต่ยังต้องทำให้มันใช้งานได้ดีและมีประสิทธิภาพในการให้บริการแก่ผู้ใช้ สำหรับบทความนี้ Boonmee Lab แนะนำ 10 หลักการออกแบบเว็บไซต์ที่ดี สำหรับการออกแบบเว็บไซต์ใหม่ หรือปรับปรุงเว็บไซต์เดิมให้ดียิ่งขึ้น

10 หลักการออกแบบเว็บไซต์ที่ดี

1. ความชัดเจนในการนำทาง (Clear Navigation)

การออกแบบเมนูและการนำทางที่เข้าใจง่าย ช่วยให้ผู้ใช้สามารถหาข้อมูลหรือหน้าที่ต้องการได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่ต้องคิดมากหรือค้นหานาน

2. การออกแบบที่ตอบสนอง (Responsive Design)

เว็บไซต์ต้องสามารถแสดงผลได้ดีในทุกอุปกรณ์ ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือ, แท็บเล็ต, หรือคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อป ด้วยการใช้เทคนิคที่ทำให้เว็บไซต์ปรับขนาดตามขนาดหน้าจอ

3. ความเร็วในการโหลด (Fast Loading Speed)

ความเร็วในการโหลดเว็บไซต์เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อประสบการณ์ผู้ใช้ การใช้ภาพที่มีขนาดเหมาะสมและการปรับแต่งให้เว็บไซต์โหลดเร็วจะช่วยให้ผู้ใช้ไม่รู้สึกหงุดหงิด

4. การใช้สีและฟอนต์ที่เหมาะสม (Consistent Colors and Typography)

การเลือกสีและฟอนต์ที่สอดคล้องกับแบรนด์และสร้างความรู้สึกที่ดีให้กับผู้ใช้ ควรเลือกสีที่ทำให้ข้อความอ่านง่ายและไม่ทำให้ผู้ใช้รู้สึกว่าสายตาเครียดหรือมึนงง

5. เนื้อหาที่มีคุณภาพและเกี่ยวข้อง (Relevant Content)

เนื้อหาควรตรงกับความต้องการของผู้ใช้งาน มีคุณภาพ และสามารถตอบคำถามหรือปัญหาของผู้ใช้ได้อย่างชัดเจน การเขียนเนื้อหาควรเข้าใจง่ายและตรงประเด็น

6. การออกแบบที่ใช้งานง่าย (User-Friendly Design)

เว็บไซต์ต้องเป็นมิตรกับผู้ใช้ โดยการวางโครงสร้างให้เข้าใจง่าย เช่น ปุ่มต่างๆ ควรมีขนาดพอเหมาะและสามารถคลิกได้ง่าย ไม่มีความซับซ้อน

7. การออกแบบที่มีจุดมุ่งหมาย (Goal-Oriented Design)

การออกแบบเว็บไซต์ต้องคำนึงถึงเป้าหมายของเว็บไซต์ เช่น การขายสินค้า, การสร้างความรู้ความเข้าใจ, หรือการให้บริการข้อมูล ควรวางโครงสร้างที่ช่วยให้ผู้ใช้บรรลุเป้าหมายของตัวเองได้

8. การใช้ภาพและกราฟิกที่เหมาะสม (Quality Images and Graphics)

ใช้ภาพถ่ายและกราฟิกที่มีคุณภาพสูงและเกี่ยวข้องกับเนื้อหาของเว็บไซต์ ภาพควรมีขนาดไม่ใหญ่เกินไปเพื่อไม่ให้เว็บไซต์โหลดช้า

9. การออกแบบที่คำนึงถึงการเข้าถึง (Accessibility)

เว็บไซต์ควรสามารถเข้าถึงได้โดยผู้ใช้ทุกกลุ่ม รวมถึงผู้ที่มีความต้องการพิเศษ เช่น การใช้เทคโนโลยีช่วยเหลือ เช่น ตัวอ่านหน้าจอ

10. การทดสอบและปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง (Continuous Testing and Improvement)

การทดสอบเว็บไซต์เป็นประจำเพื่อหาจุดบกพร่องหรือข้อผิดพลาดในการใช้งาน รวมถึงการปรับปรุงประสิทธิภาพของเว็บไซต์ให้ดีขึ้นอยู่เสมอ

สนใจบริการออกแบบและพัฒนาเว็บไซต์จากบุญมีแล็บ อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่

8 ผลดี เมื่อปรับ SEO ให้เว็บไซต์ พร้อมแนะนำเครื่องมือตรวจสอบ SEO ได้ด้วยตัวเอง