วันนี้จะมารีวิว จากน้องฝึกงานที่ Oho Chat กับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่ สู่พนักงาน Full-Time ที่ Boonmee Lab แบบเต็มตัว จะเป็นยังไงบ้าง ตามไปอ่านกันได้เลย

ฝึกงานที่ Oho Chat เป็นยังไงบ้าง

วันแรกที่เข้าออฟฟิศ ผมรู้สึกกดดันมาก เพราะคิดว่าบรรยากาศการทำงานคงจะตึงเครียด แต่พอได้คุยกับพี่ๆ และสัมผัสจริง ๆ กลับรู้สึกสบายใจมากครับ พี่ ๆ ในออฟฟิศน่ารัก เป็นกันเอง พร้อมให้คำปรึกษาและช่วยเหลือทุกคน ทำให้ภาพจำเดิม ๆ หายไปหมดเลย ที่สำคัญคือ กฎระเบียบที่ยืดหยุ่นมาก ทั้งการเข้าออฟฟิศแค่ 2 วัน และเข้างาน 10 โมงได้ ซึ่งช่วยลดความแออัดในการเดินทาง ทำให้ผมเริ่มต้นวันทำงานได้อย่าง Productive นอกจากนี้ , Party ทุกๆสิ้นเดือน, การแต่งกายที่ Flexible นอกจากนี้ช่วงฝึกงานยังเป็นประสบการณ์ที่ดีมาก ได้เรียนรู้ตั้งแต่การสร้าง POV Concept จนถึงการปั้นงานที่นำไปใช้ได้จริง ได้ความรู้ใหม่ ๆ ที่ไม่เคยเรียนในห้องเรียนเยอะมาก ที่สำคัญคือ พี่ ๆ ไม่ได้มองว่างานที่ผมทำเป็นแค่งานเด็กฝึกงาน แต่ให้ความสำคัญและช่วยเหลืออย่างเต็มที่ครับ

นอกจากนี้ยังมีโอกาสได้ร่วมงานกับบริษัท Boonmeelab ซึ่งเป็นบริษัทพี่น้องกับ Oho Chat ซึ่งตอนแรกก็คิดว่าการที่เรามาฝึกงานอีกบริษัท อาจจะทำให้เราเข้าถึงคนในทีมของ Boonmeelab ได้ยาก แต่ว่าความเป็นจริงไม่ใช่เลย พี่ๆทุกคนเข้ามาพูดคุย และคอยช่วยเหลือการทำงานกัน บางทีที่ผมนั่งพยายามแก้ไขปัญหางานด้วยตัวเองอยู่ ทางพี่ๆพอเห็นก็อาสามาช่วยเหลือโดยที่ไม่ต้องบอกเลย ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมประทับใจมาก ๆ ครับ

ทำไมถึงตัดสินใจตอบตกลงมาทำ Full time กับทาง Boonmee Lab

พอหลังจากจบฝึกงานแล้ว ก็ได้มีการพูดคุยกับพี่ ๆที่ดูแลในช่วงฝึกงานครับ ทางบริษัทก็ได้มอบโอกาสได้เข้ามาทำเป็นตำแหน่ง Full time ทางพี่ๆได้มีข้อเสนอมาว่าให้มาร่วมงานกับทางบุญมีแล็บ ซึ่งผมก็คิดว่าเป็นโอกาสที่ดี เนื่องจากตัวผมเองเป็นคนที่ค่อนข้างชอบการเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ การได้ลองทำสิ่งที่มีอิมแพ็คกับส่วนรวม ซึ่งจากที่กล่าวมา โปรเจกต์งานของบุญมีแล็บส่วนใหญ่นั้นจะเป็นงานในเชิงที่ส่งผลกระทบต่อสังคม และ ยังมีโอกาสได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ตลอดเวลาเพราะว่านอกจากงานที่มีอิมแพ็คต่อสังคม ก็ยังมีโปรเจกต์ที่เป็นการว่าจ้างจากหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งรัฐและเอกชน

ได้ทำงานหรือโปรเจคอะไรบ้าง

Message Analytic

โปรเจกต์ที่ได้ทำในช่วงฝึกงานจะเป็นโปรเจกต์ที่ชื่อว่า Message Analytics ด้วย Oho Chat เป็นบริษัทประเภท omni chat ทำให้มีข้อมูลการสนทนาระหว่างลูกค้าและแอดมินอยู่เยอะมาก แต่ว่าเราไม่สามารถนำข้อมูลเหล่านี้ไปใช้ประโยชน์อะไรได้เลย ทางพี่ๆเลยมีไอเดียว่า มันคงจะดีถ้าเราสามารถที่จะระบุหมวดหมู่ หรือ Topics ของข้อความได้จากข้อมูลแชทที่เรามี เพื่อให้สามารถจัดกลุ่มและนำไปใช้ประโยชน์ต่อในทางธุรกิจได้ เช่น เจ้าของธุรกิจอยากจะรู้ว่าลูกค้าในช่วงเดือนที่ผ่านมาทักมาคุยเรื่องอะไรบ้าง , ลูกค้ามักจะทักมาในช่วงเวลากี่โมงจะได้เตรียมพร้อมให้แอดมินคอยตอบได้

หลังจากที่เราได้โมเดลที่เหมาะสมที่สุดกับธุรกิจแล้วสิ่งที่จะขาดไปไม่ได้คือการนำโมเดลไปประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อธุรกิจมากขึ้น โดยการที่เราจะสามารถนำโมเดลไปใช้งานได้เราต้องเข้าใจหมวดหมู่ที่โมเดลแยกออกมาให้ได้เสียก่อน ซึ่งเราสามารถให้ผู้ที่มีความเข้าใจในธุรกิจกลุ่มนั้น ๆ เป็นคนเข้ามาระบุหัวข้อของหมวดหมู่ หรือเราสามารถที่จะใช้โมเดลของภาษาขนาดใหญ่ (Large Language Model) ไม่ว่าจะเป็น chatGPT หรือ Google Gemini ในการมาช่วยกำหนดหมวดหมู่ของหัวข้อได้เช่นกัน และเมื่อเราเข้าใจหมวดหมู่ของข้อความแล้วสิ่งต่อไปคือ การนำโมเดลมากำหนดหมวดหมู่ของข้อความ โดยเราสามารถกำหนดค่าความมั่นใจ (Confidence score) ของโมเดล ถ้าโมเดลมีความมั่นใจเกินค่าที่กำหนดไว้เราก็สามารถมั่นใจได้ว่าข้อความแชทนั้นอยู่ในหมวดหมู่อะไรนั่นเอง

โดยโมเดลที่สำเร็จออกมาสามารถนำไปใช้ได้ในหลาย ๆ สถานการณ์ เช่น

สร้าง Operational หรือ Analytical dashboard เพื่อสรุปข้อมูลแชท
รายงานสำหรับผู้บริหาร (executive reports) ที่ใช้สำหรับการประชุมต่าง ๆ ในบริษัท

TCDC Library

ประสบการณ์สุดท้าทายจากโปรเจกต์ที่ได้ร่วมงานกับ TCDC Resource Center ศูนย์รวมแหล่งความรู้และแรงบันดาลใจสำหรับคนรักงานดีไซน์ ที่นี่เป็นสถานที่ของเหล่านักออกแบบ นักศึกษา ผู้ประกอบการ และใครก็ตามที่สนใจด้านความคิดสร้างสรรค์

ซึ่งงานหลักของเราคือการอัพเดทระบบห้องสมุดของ TCDC ซึ่งปัจจุบันใช้ WalaiAutoLib ซอฟต์แวร์สำหรับบรรณารักษ์ยอดนิยม ที่ตอนนี้ได้ปล่อยเวอร์ชั่นใหม่ล่าสุดออกมาแล้ว ทีม TCDC เลยอยากจะอัพเกรดระบบให้ทันสมัย ใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

แต่งานนี้ไม่ง่ายอย่างที่คิด เพราะระบบเดิมของ TCDC นั้นถูกพัฒนามาตั้งแต่ 10 ปีที่แล้ว!! ลองนึกภาพดูสิครับว่าเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงไปขนาดไหน เครื่องมือต่างๆ ก็อัพเดทเวอร์ชั่นไปไกลมาก

ความท้าทายของเราคือการทำให้ระบบห้องสมุดนี้กลับมาทำงานได้อย่างราบรื่นอีกครั้ง พร้อมกับอัพเดทเครื่องมือต่างๆ ให้เป็นเวอร์ชั่นใหม่ล่าสุดเท่าที่จะเป็นไปได้ในโปรเจกต์นี้ ผมได้รับหน้าที่เป็น ผู้ดูแลจัดการข้อมูล ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของระบบเลยก็ว่าได้ เพราะข้อมูลต่างๆ ต้องถูกโยกย้าย ปรับปรุง และตรวจสอบความถูกต้อง เพื่อให้เข้ากันได้กับระบบใหม่

ความท้าทายของงานนี้ในแง่ของ Data โดยจะต้องทำความเข้าใจ Process การทำงานของระบบเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ตรวจสอบการไหลและการใช้งานของข้อมูล และอีกความท้าทายก็คือการที่เราจะต้องจัดการดูแลข้อมูลที่ในปัจจุบันอาจจะมีการเปลี่ยนแปลง Data Type หรือ อาจจะมีข้อมูลบางส่วนที่หายไปหรือถูกเพิ่มเข้ามาใหม่ ซึ่งโปรเจกต์นี้เป็นโปรเจกต์ที่ทำให้ผมเข้าใจในเรื่องของ Data ในมุมมองใหม่ ๆเยอะมาก ซึ่งในตอนแรกก็มีกังวลว่าเราจะสามารถทำงานได้ไหม แต่เนื่องจากความช่วยเหลือจากพี่ ๆ Superviosor และ พี่ ๆในทีมก็ทำให้ผมสามารถผ่านโปรเจกต์นี้ไปได้

ความแตกต่างระหว่างตอนเป็น Intern กับตอนเป็น Full time เป็นยังไงบ้าง

รู้สึกว่าเปลี่ยนไปค่อนข้างมากครับ ทั้งในเรื่องของความรับผิดชอบในหน้าที่ในตอนที่เป็น Intern กับ Full time เพราะว่างานส่วนใหญ่ที่ได้รับมอบหมายจะเป็นงานที่ต้องทำงานร่วมกับหลาย ๆฝ่าย นอกจากนี้ยังได้มีโอกาสทำงานเป็นทีม มีทั้ง Project Manager ที่คอยวางแผนการทำงานและกำหนดแพลนต่างๆให้ ทำให้รู้สึกว่าตัวเองสามารถบริหารจัดการเวลาและการทำงานได้ดีมากขึ้นมาก ๆ นอกจากนี้ยังมีโอกาสได้ทำงานที่มีสเกลใหญ่ขึ้น เริ่มมีอิมแพ็คมากขึ้น ท้าทายมากขึ้นซึ่งทำให้เราได้พลักดันตัวเองมากกว่าตอนเป็น Intern ครับ

บรรยากาศการทำงานที่ Boonmee Lab เป็นยังไงบ้าง

หลังจากได้สัมผัสประสบการณ์ฝึกงานที่ Oho Chat และต่อยอดมาเป็น Full-time ที่ Boonmee Lab บอกเลยว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีมากๆและไม่รู้สึกเสียดายเลยที่ฝึกงานที่นี่ อยากชวนเพื่อนๆ ที่สนใจงานสาย Data, Tech, Design หรือ Business ที่อยากพัฒนาตัวเองแบบก้าวกระโดด ได้ลงมือทำงานจริง ที่มีอิมแพ็ค มาสัมผัสประสบการณ์แบบเดียวกัน

สุดท้ายนี้เชิญชวนเพื่อนๆ มาฝึกงานที่ Boonmee Lab กันหน่อย

อยากจะเชิญชวนหลายๆคนที่กำลังมองหาองค์กรที่เหมาะสำหรับคนรุ่นใหม่ เปิดกว้าง Boonmee Lab เป็นอีกหนึ่งองค์กรที่จะทำให้คุณได้รับประสบการณ์มากมายในสายงานตัวเอง อย่างเช่น

ทำงานจริง โปรเจกต์จริง มี Impact จริง! ที่นี่เราจะได้ลงมือทำโปรเจกต์ที่ส่งผลกระทบต่อสังคมจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกเพื่อพัฒนาเมือง หรือสร้างโซลูชั่นส์ที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คน
เรียนรู้จากพี่ๆ มืออาชีพ ได้รับคำแนะนำจากพี่ๆ ที่มากประสบการณ์ ที่คอยให้คำปรึกษาและ Support ตลอดการทำงาน
พัฒนา Skill Set แบบรอบด้าน ได้เรียนรู้ตั้งแต่การวางแผน ออกแบบ ไปจนถึงการลงมือทำจริง เสริมทักษะที่จำเป็นในสายงานแบบจัดเต็ม
บรรยากาศการทำงานสุด Friendly ทีมเวิร์คคือหัวใจสำคัญ ทุกคนช่วยเหลือกัน แชร์ไอเดียกันอย่างเปิดกว้าง รับรองว่าไม่มี Toxic แน่นอน!
โอกาสเติบโตในสายอาชีพ Boonmee Lab เปิดโอกาสให้แสดงศักยภาพเต็มที่ มีโอกาสได้ร่วมงานกับองค์กรชั้นนำทั้งภาครัฐและเอกชน

รีวิวจาก Intern กลายมาเป็นพนักงาน Full-Time แบบเต็มตัว